Acne Clear
รักษาสิว รอยดำรอยแดงจากสิว และหลุมสิว
การรักษาสิวและรอยแดง รอยดำจากสิวต้องจัดการไปทีละขั้นตอนและใช้เวลาสักพักค่ะ ซึ่งการรักษาให้ได้ผลลัพธ์ดีเห็นผลชัดเจนต้องเริ่มจากประเมินว่าเป็นสิวแบบไหนและรักษาสิวที่ต้นตอก่อนค่ะ ซึ่งวิธีรักษามีด้วยกันหลายวิธีแล้วแต่ชนิดของปัญหาสิวค่ะ
เมื่อจำนวนสิวน้อยลงแล้ว ผิวแข็งแรงดีแล้วค่อยไปรักษารอยแดง รอยดำ และหลุมสิวค่ะ
ทุกเรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับสิวและการรักษาสิว
สิว เกิดจากอะไร
สิวหลักๆ เกิดขึ้นจากการอุดตันภายในรูขุมขนที่เกิดจาก
-
น้ำมันส่วนเกิน
ปกติร่างกายคนเราจะมีการผลิตไขมันใต้ผิวหนังชั้นบนเพื่อเป็นการปกป้องผิวหนังชั้นล่าง การที่มีการผลิตน้ำมันมากเกินไปอาจทำให้เกิดการอุดตัน
-
เซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือ เซลล์ผิวเสีย
ร่างกายคนเราจะมีขั้นตอนการขับเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพและตายแล้วทางรูขุมขน เพื่อให้ร่างกายได้ผลิตเซลล์ผิวใหม่ การที่เซลล์ผิวที่ตายแล้วถูกขับออกไม่หมดสามารถก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตัน สิวอักเสบและรอยแดงได้
-
แบคทีเรียบนร่างกาย
บนร่างกายของทุกคนจะมีแบคทีเรียหลายชนิดมากกว่า 1.5 ล้านตัวที่อาศัยอยู่บนผิวหน้ง ซึ่งมีทั้งแบคทีเรียที่ดีและไม่ดี ส่วนแบคทีเรียตัวที่ทำให้เกิดสิวคือ แบคทีเรีย Propionibacterium Acnes อยู่ตามรูขุมขนที่ลึกลงไปในผิวหนัง
-
ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เวลาที่มีสิ่งแปลกปลอม สิ่งสกปรก หรือเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะรับรู้และตอบสนองโดยทำให้เกิดการอักเสบหรือบวมแดง
ปัจจัยที่ทำให้เกิด สิว มีอะไรบ้าง
สิวเกิดขึ้นจากหลายๆ ปัจจัยทั้งภายในและภายนอก
-
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (Hormones)
- ช่วงวัยรุ่น : สังเกตได้ว่าในช่วงที่เข้าสู่วัยรุ่นมักจะมีสิวขึ้นเยอะเนื่องาจากในช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) และฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ทำให้ปริมาณฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุลกัน และกระตุ้นให้ต่อมไขมันขับน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้ผิวหน้าค่อนข้างมันและเริ่มเกิดการสะสมจนอุดตัน เมื่อความอุดตันของรูขุมขนมาร่วมกับเซลล์ผิวที่ตายและแบคทีเรียที่อยู่บนร่างกาย ก่อให้เกิดการอักเสบของสิว
- ก่อนมีประจำเดือน หรือ ช่วงตั้งท้อง : สำหรับผู้หญิงในช่วงที่จะมีรอบเดือนหรือช่วงที่จะเป็นคุณแม่จะมีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น กระตุ้นให้เกิดการขับน้ำมันในผิวมากขึ้น และสามารถทำให้เกิดการอักเสบของรูขุมขนและเกิดสิว
ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้เราจะเรียกว่า สิวฮอร์โมน
-
กรรมพันธุ์ (Genetics)
หากพ่อหรือแม่เคยมีประวัติเป็นสิวอักเสบหรือสิวเรื้อรัง ก็จะทำให้ลูกมีโอกาสเป็นด้วยเหมือนกัน
-
ความเครียด (Stress)
เมื่อเราอยู่ในสถานะการที่กดดันหรือมีความเครียด หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมามากกว่าปกติ ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการขับไขมัน รูขุมขนอุดตัน และทำให้เกิดสิวได้
-
อาหารการกิน
- อาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง : การทานอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงทำให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น และทำให้มีการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนมากขึ้น ทำให้เกิดการขับน้ำมัน และเกิดการอุดตันของรูขุมขน จนเกิดเป็นสิวในที่สุด ซึ่งอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูงไม่ได้มีแค่ในของหวาน น้ำผลไม้ และน้ำหวานเท่านั้น แต่อาหารประเภทแป้งขัดสีทั้งหลาย เช่น ข้าวขาว ขนมปัง พาสต้า ก๋วยเตี๋ยว ก็มีดัชนีน้ำตาลสูงเช่นกัน
- ผลิตภัณฑ์จากนม : เนื่องจากในนมมีฮอร์โมนเอสโทรเจน โพรเจสเทอโรน และแอนโดรเจน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและเกิดสิว
-
เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
ในเครื่องสำอางค์และผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิดอาจจะมีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน หรือ อาจทำให้เกิดการระคายเคือง และแพ้ได้ เช่น น้ำมัน หรือ สเตียรอยด์
-
การตกค้างของเครื่องสำอางบนใบหน้า
การทำความสะอาดใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ถ้าเช็ดเครื่องสำอางไม่ดี หรือล้างหน้าไม่สะอาด ก็อาจให้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้
-
การที่ใบหน้าถูกสิ่งสกปรก
สิ่งที่โดนใบหน้าบ่อย เช่น เส้นผม ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัว หมวก หน้ากากอนามัย หากไม่ได้ทำความสะอาดหรือเปลี่ยนบ่อยๆ ก็อาจทำให้เกิดสิวบนใบหน้าได้ นอกจากนี้หากหน้าโดนสารเคมีตกค้างที่อยู่บนผ้าจากผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่ม บนผมจากผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม หรือจากยาสีฟันที่ใช้ ก็อาจทำให้เกิดสิวได้เหมือนกัน
-
การทานยาบางชนิด
ในยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมของคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เทสโทสเตอโรน (Testosterone) หรือลิเธียม (Lithium) ที่กระตุ้นให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและเกิดสิวได้
-
สิ่งแวดล้อม
ในอากาศมักจะมีฝุ่นละอองและมลภาวะที่เล็กมากจนเรามองไม่เห็น เช่น ควัน และฝุ่น PM 2.5 ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือการอุดตันของรูขุมขน ทำให้เกิดสิวได้
-
สภาพอากาศ
ฤดูร้อน - ด้วยสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้ผิวหนังมีความชื้น นอกจากนี้รังสี UVA ในแสงแดดยังกระตุ้นให้ต่อมไขมันใต้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณ T-zone [หน้าผาก จมูก แก้ม และคาง] เมื่อเจอกับฝุ่นละอองและมลภาวะ จึงทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันได้ง่าย จนเกิดเป็นสิวผดเม็ดเล็กๆ สิวอุดตัน ซึ่งอาจกลายเป็นสิวอักเสบได้ในที่สุด
ฤดูฝน - อากาศในหน้าฝนจะมีความชื้นสูง และกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ พอเจอกับฝุ่นละออง หรือ น้ำฝนที่นำพาสิ่งสกปรกในอากาศมา ก็สามารถทำให้เกิดสิวอุดตันได้ นอกจากนี้อากาศที่อับชื้นก็สามารถทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน
ฤดูหนาว - ในหน้าหนาว อากาศจะเย็นและแห้ง ไม่ค่อยมีความชื้น ทำให้ผิวเราแห้งและระคายเคืองได้ง่าย นอกจากนี้อากาศเย็นยังทำให้รูขุมขนหดตัวลง จึงทำให้แบคทีเรียและน้ำมันในรูขุมขนไม่สามารถระบายออกได้ง่าย ทำให้เกิดสิวอุดตัน
สิว ขึ้นตรงไหนบ้าง
สิวสามารถขึ้นได้ทุกจุดของร่างกายที่มีโอกาสเจอสิ่งสกปรกหรือมีการสะสมของแบคทีเรีย
-
บนใบหน้า
-
หน้าผาก หว่างคิ้ว
-
จมูก
-
แก้ม
-
รอบปาก
-
คาง กรอบหน้า
-
หู
-
-
บนร่างกาย
-
คอ
-
หน้าอก
-
ไหล่
-
หลัง
-
ก้น
-
สิว มีกี่ชนิด
สิวแยกออกมาได้หลักๆ 2 กลุ่มใหญ่ๆ
-
สิวไม่อักเสบ
-
สิวอุดตัน - เกิดจากการอุดตันของไขมัน เซลล์ผิวเสีย และแบคทีเรียในรูขุมขน ทำให้เกิด
-
สิวหัวขาว มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีขาวเล็กๆ ใต้ผิวหนัง เป็นสิวอุดตันหัวปิด ซึ่งสิวเหล่านี้อาจจะกลายเป็นสิวอักเสบได้ สิวหัวขาวเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ระดับฮอร์โมนในร่างกาย กรรมพันธุ์ ยาคุมกำเนิด เครื่องสำอาง หรือฝุ่นละออง มลภาวะในอากาศ ทำให้เกิดจากการอุดตันของน้ำมัน และเซลล์ผิวเสียในรูขุมขน
-
สิวหัวดำ - เป็นสิวหัวดำที่มีลักษณะเป็นสิวอุดตันหัวเปิด หรือที่เราเรียกว่าสิวเสี้ยน ซึ่งเกิดจากการอุดตันของน้ำมัน เส้นขน หรือเซลล์ผิวเสียในรูขุมขน และปฏิกิริยาทางเคมีเมื่อเม็ดสีในผิวหนัง (Melanin) ร่วมกับออกซิเจน
-
-
สิวเสี้ยน - มีลักษณะคล้ายหนามเล็กๆ บนใบหน้า ซึ่งเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่มีขนอ่อนหลายเส้นขึ้นแทรกอยู่บนหัวสิวภายในรูขุมขนเดียวกัน ร่วมกับไขมัน และเซลล์ผิวเสีย
-
สิวผด - มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ คล้ายสิวอุดตัน แต่เป็นสิวหัวเปิด หรือตุ่มแดงคล้ายสิวอักเสบ เป็นสิวที่เกิดจากแสงแดด หรืออากาศร้อน
-
2. สิวอักเสบ
-
สิวอักเสบ - มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีสีแดง สีแดงเข้ม หรือสีม่วง กดแล้วเจ็บ ซึ่งเป็นสิวหัวขาวเจอกับเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง
-
สิวหัวหนอง - มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่ที่ฐาน ด้านบนเป็นหนองสีเหลือง บวมนูน ซึ่งแสดงถึงการอักเสบที่เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายจากการต่อสู้กับเชื้อแบคที่เรีย
-
สิวอักเสบขนาดใหญ่ หรือสิวไต - มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดง เมื่อจับจะเป็นก้อนไตแข็งใต้ผิวหนัง ไม่มีหัว มักพบที่บริเวณใบหน้า หลัง หน้าอก ลักษณะจะคล้ายสิวหัวช้างแต่จะมีขนาดเล็กกว่า
-
สิวเชื้อรา หรือสิวยีสต์ - มีลักษณะเป็นตุ่มแดงและมีอาการคัน เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนจากเชื้อราประเภทยีสต์ จะเป็นเมื่ออากาศร้อน อับชื้น หรือร่างกายภูมิคุ้มกันตก
-
สิวหัวช้าง - มีลักษณะเป็นตุ่มบวมนูนขนาดใหญ่ หรือก้อนนูนสีแดง เจ็บมากแม้ไม่ได้กด และอาจจะเจ็บร้าวไปที่ผิวหนังรอบๆ ซึ่งแสดงถึงการอักเสบอบบรุนแรง ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษา
-
สิวซีสต์ - มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดงขนาดใหญ่ที่เกิดจากการอักเสบของหัวสิวหลายหัวกระจุกตัวรวมกันเป็นไตแข็ง ภายในเป็นโพรงมีหนองปนเลือด และรู้สึกเจ็บมากแม้ไม่ได้กด นอกจากนี้สิวซีสต์ยังสามารถขยายขนาดใหญ่ขึ้นได้ และถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เป็นสิวเรื้อรัง เป็นแผลเป็น หรือเป็นหลุมสิวขนาดใหญ่ได้ จึงควรพบแพทย์เพื่อทำการรักษา
วิธีรักษาสิว มีกี่แบบ
การรักษาสิวจะเน้นไปที่
-
การทำให้สิวเดิมยุบ
-
ยับยั้งการเกิดของสิวใหม่
-
ป้องกันการเกิดแผลเป็น
-
ลดรอยแดง รอยดำจากสิว
ซึ่งการรักษาอาจจะต้องใช้หลายวิธีประกอบกันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
รักษาสิว ด้วยยาทา
การรักษาสิวด้วยยาทาจะเป็นการรักษาระยะยาวซึ่งจะเน้นเน้นการลดการผลิตน้ำมัน สลายไขมันอุดตันในรูขุมขน ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียบนใบหน้า ลดอากาสเกิดสิวใหม่ และลดโอกาสในการเกิดรอยดำจากสิว โดยที่แพทย์จะประเมินจากปัญหาของแต่ละบุคคลและจ่ายยาตามอาการ
รักษาสิว ด้วยยารับประทาน
เน้นการลดการอักเสบและปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวที่มีอาการอักเสบรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก โดยแพทย์จะพิจารณาจากปัญหาของแต่ละบุคคล
รักษาสิว ด้วยการบำบัด
-
รักษาสิว ด้วย MADE Collagen หรือ มาเด้ คอลลาเจน
MADE Collagen หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า มาเด้ เป็นเมโสที่ทำมาจากสารสกัดจากธรรมชาติซึ่งอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ เอนไซม์ และคอลลาเจน เพื่อเน้นการขับสารพิษที่อยู่ในผิว ลดอาการอักเสบ ผื่นแพ้ ทำให้ผิวหน้าแข็งแรงขึ้น ลดการอักเสบของสิวที่มี และทำให้สิวใหม่ขึ้นน้อยลง โดยตัวยาของแท้จะนำเข้าจากประเทศอิตาลี และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ ใน 1 โดสควรมีส่วนประกอบของ Guna 1 ขวด (ปริมาณ 2 cc) และ Collagen 1 ขวด (ปริมาณ 2 cc) รวมเป็น 4 cc
การทำงานของ มาเด้
Made Collagen มีหลักการทำงาน 4 ขั้นตอนคือ
-
Detoxification - กระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลือง & ขับสารพิษออกนอกร่างกาย
-
Metabolism - เสริมการไหลเวียนของเลือด เร่งการเผาผลาญ กระตุ้นการสร้างเซลล์
-
Restruturing - เพิ่มภูมิคุ้มกัน เสริมผิวให้แข็งแรงเพิ่มความกระจ่างใส
-
Nutrient & Cell Therapy - เติมสารอาหารที่จำเป็นและช่วยเสริมสร้างเซลล์ให้แข็งแรง
ประโยชน์ของ มาเด้
ประโยชน์ของการ ฉีดมาเด้
-
ลดการอักเสบของสิว เช่น สิวผด สิวฮอร์โมน สิวสเตียรอยด์ สิวอักเสบ
-
ลดการเกิดขึ้นของสิวใหม่
-
เพิ่มยืดหยุ่นให้ผิว
-
ระบบไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
-
ผิวแข็งแรงขึ้น
มาเด้ นานแค่ไหนถึงเห็นผล
การทำมาเด้ก็คล้ายกับการทานยาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและใช้ระยะเวลาสักพักในการที่จะบำรุงผิวที่อ่อนแอให้กลับมาแข็งแรงได้ ซึ่งระยะเวลาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลและการดูแลตัวเองในระหว่างการรักษาเพื่อไม่ให้เกิดสิวใหม่ด้วย
-
การกดสิว
การกดสิว ทั้งสิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวซีสต์ที่รักษาไม่หาย สามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดการอักเสบของสิวได้ แต่การกดสิวอาจทำให้เกิดแผลเป็นได้ จึงแนะนำให้ทำคู่กับการทำทรีทเม้ทน์หรือการมาส์กหน้าเพื่อลดการระคายเคืองจากการกดสิว
-
การฉีดสิว
เป็นการฉีดสเตียรอยด์ลงไปในบริเวณที่สิวอักเสบเพื่อให้สิวยุบตัวเร็วขึ้นและลดความเจ็บปวด ซึ่งการฉีดสิวควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพราะการใช้ยามากเกินไป หรือฉีดลึกเกินไปอาจทำให้เกิดเป็นหลุมได้โดยเฉพาะในสิวขนาดใหญ่ได้
-
การทำทรีทเม้นท์ลดสิว ด้วย Acne Clear Therapy
Acne Clear Therapy เป็น ทรีทเม้นท์ Meso NO Needle Therapy หรือเมโสแบบไร้เข็ม ที่ช่วยลดการเกิดสิวใหม่ ลดการอักเสบของสิวอุดตัน ลดการระคายเคืองของสิวอักเสบ ด้วย 7 ขั้นตอน
1. ทำความสะอาดหน้า
2. กดหัวสิวอุดตันเพื่อลดโอกาสที่สิวจะอักเสบ
3. ผลักวิตามิน B3 เข้าไปสู่ผิวชั้นในด้วยคลื่นไฟฟ้า
ประโยชน์ของวิตามิน B3 หรือ Niacinamide
-
ลดการอักเสบและระคายเคืองของสิวที่มี
-
ลดการเกิดของสิวใหม่
-
ลดการอุดตันของรูขุมขน
-
รอยดำและรอยแดงจากสิวจางลง
-
ลดความมันบนใบหน้า
-
กระตุ้นเซลล์การสร้างคอลลาเจน
-
ผิวชุ่มชื้นขึ้น
-
ปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใสยิ่งขึ้น
4. กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
5. ลดการระคายเคืองและกระชับรูขุมขนด้วยความเย็น
6. มาส์กบำรุงหน้าด้วย Tea Three เพื่อลดการระคายเคือง
7. ทาครีมบำรุงและครีมกันแดด
หลังทำจะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวชุ่มชื้นและสว่างกระจ่างใสขึ้น หากทำอย่างต่อเนื่องจะสามารถช่วยลดการเกิดของสิวใหม่และช่วยลดการอักเสบของสิวได้
-
การทำความสะอาดผิวและป้องกันการเกิดสิวใหม่ด้วย Acne Deep Clean
Acne Deep Clean เป็นการทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก ลดน้ำมันและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวใหม่ ด้วย 8 ขั้นตอน
-
ทำความสะอาดหน้า
-
ใช้ความร้อนเปิดรูขุมขน
-
ดูดสิวเสี้ยน
-
กดหัวสิวอุดตันเพื่อลดโอกาสที่สิวจะอักเสบ
-
ลดการระคายเคืองและกระชับรูขุมขนด้วยความเย็น
-
มาส์กบำรุงหน้าด้วย Tea Three เพื่อลดการระคายเคือง
-
ฉีดสเปรย์น้ำแร่เพิ่มความชุ่มชื้น
-
ทาครีมบำรุงและครีมกันแดด
หลังทำจะรู้สึกได้ทันทีว่าผิวหน้าสะอาดและนุ่มขึ้น หากทำอย่างต่อเนื่องจะสามารถช่วยลดการเกิดของสิวใหม่และช่วยลดการอักเสบของสิวได้
-
การรักษารอยแดง และลดการเกิดสิวใหม่ ด้วย Acne IPL
Acne IPL เป็นการใช้คลื่นแสง IPL (Intense Pulsed Light) บนบริเวณที่มีปัญหาสิว เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรียบนใบหน้า ลดการเกิดของสิวใหม่ และลดรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบของผิว
การทำ IPL สามารถทำได้ในผู้ที่สิวอักเสบยุบแล้วเพื่อให้ผิวกลับสู่สภาพเดิมได้เร็วขึ้น โดยแนะนำให้ทำอาทิตย์ละครั้งเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด
-
การรักษารอยดำจากสิว ด้วย Brightening Laser
Brightening Laser หรือ เลเซอร์หน้าใส เป็นเลเซอร์ที่เก่งในการสลายเม็ดสีดำโดยไม่ทำให้ผิวบางลง จึงสามารถลดความเข้มของรอยดำจากสิวได้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับสีผิวให้เสมอกันทั้งใบหน้า พร้อมทั้งทำให้หน้าดูสว่างกระจ่างใสยิ่งขึ้นด้วย
เนื่องจากเม็ดสีดำมีความเข้มมากจึงต้องใช้การรักษาด้วยเลเซอร์อย่างสม่ำเสมอทุกๆ 3-4 อาทิตย์ ทำอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 ครั้งเพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่แนะนำให้ทำบ่อยกว่านั้นเพราะหลังทำ ผิวหนังจะทำการเก็บความร้อนจากเลเซอร์ไว้ใต้ผิว ซึ่งถ้าทำบ่อยไปอาจจะทำให้เกิดผื่นแดงหรือหน้าลอกได้
การทำเลเซอร์หน้าใสแนะนำให้ทำในผู้ที่ไม่ค่อยมีปัญหาสิวนะคะ เนื่องจากเลเซอร์ใช้พลังงานความร้อนสูง อาจส่งผลให้ผิวระคายเคืองได้ ซึ่งผิวที่เป็นสิวมีสภาพบอบบาง จึงอาจทำให้เกิดผื่นแดงหรือเกิดสิวใหม่ขึ้น ทำให้การรักษาสิวไม่ได้ผลลัพทธ์ที่ดีค่ะ
ทางคลินิกจึงแนะนำให้รักษาสิวให้ดีขึ้นก่อน ค่อยมารักษารอยดำจากสิวนะคะ
-
การลดหลุมสิวและปรับผิวให้เรียบเนียนด้วย HA Skin Booster
HA Skin Booster Filler คือ Hyaluronic Acid (HA) ที่เป็นส่วนประกอบหลักในฟิลเลอร์ ซึ่งเมื่อนำมาฉีดที่ผิวหนังชั้นบนสามารถปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น หลุมสิวแลดูตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น รอยแดงแลดูจางลง พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าแลดูสุขภาพดี